อาการ เลือด คั่ง หลัง เสริม จมูก
- 4 อาการหลังเสริมจมูก บวบ เลือดไหล ติดเชื้อ เขียว อาการหลังทำจมูก - YouTube
- เสริมจมูก 15 ข้อควรรู้ก่อนเสริมจมูก รู้แล้วไม่มีพลาด
สรุปแล้วโดยธรรมชาติของ ภาวะเลือดคั่งในระยะสั้นๆ แล้วมักไม่มีพิษภัยอะไร และจะหายไปเองในระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ บางรายที่มีภาวะร่างกายเขียวฟกช้ำได้ง่ายและนานกว่าคนอื่นอาจใช้เวลาฟื้นตัวช้าได้นานถึง 2-3 เดือน แต่!! หากมีอาการนานกว่านั้นแล้วปล่อยไว้ไม่พบแพทย์เพื่อรักษา เลือดเก่าที่คั่งสะสมอยู่เป็นเวลานานจะขัดขวางการไหลเวียนของเลือด ทำให้ไม่มีเลือดไปเลี้ยงบริเวณนั้นได้อย่างเพียงพอและเสี่ยงต่อการสะสมของแบคทีเรียจนเกิดการติดเชื้อลุกลามตามมาได้ ดังนั้น ควรดูแลรักษาป้องกันไว้ให้ดีอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะ 7 วันหลังเกิดบาดแผล ถ้าไม่อยากให้ฝันที่อยากสวยกลายเป็นฝันร้าย บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
4 อาการหลังเสริมจมูก บวบ เลือดไหล ติดเชื้อ เขียว อาการหลังทำจมูก - YouTube
July 3, 2018 1. ปลายจมูกบาง หลังเสริมจมูก แก้จมูก อาการผิวบางเกิดขึ้นในทุกคน ที่เสริมจมูกค่ะ เพราะซิลิโคนเป็นของแปลกปลอ ม เมื่อมากดเนื้อเยื่อเราจะทำ ให้เลือดมาเลี้ยงที่ผิวลดลง สิ่งที่เกิดตามมาคือผิวเราจ ะบางลง อาการที่ผิวบางลงมากจะทำให้ เห็นเนื้อใส รูขุมขนหายไป ขึ้นเป็นเงาบริเวณที่ที่เสร ิมซิลิโคนค่ะ หากใครมีอาการนี้จะต้องระวั งแล้วค่ะ เพราะแสดงว่ามีความเสี่ยงที ่จะเกิดการทะลุได้ใน อนาคตจำเป็นจะต้องเฝ้าระวัง ดูการเปลี่ยนแปลงค่ะ 2. ปลายจมูกซีด หลังเสริมจมูก แก้จมูก คล้ายๆกันกับปลายบางเวลาเรา เสริมซิลิโคนแล้วจะพบว่ามีพ ังพืดมาหุ้มรัด เมื่อเกิดร่วมกับเนื้อบางลง จะพบว่ามีอาการซีด ที่ผิวคล้ายกับเราป้ายคอนซี ลเลอร์สีที่ขาวกว่าสีผิวปกต ิ เนื้อผิวออกสีด้านๆสิ่งนี้เ กิดจากเนื้อบางและใต้ผิวมีพ ังพืดที่หุ้มซิลิโคนอยู่เลย เห็นเป็นผิวซีดค่ะ เช่นเดียวกันหากพบอาการนี้ต ้องระวังและสังเกตจมูกเราเร ื่อยๆนะคะ 3. ปลายจมูกแดง หลังเสริมจมูก แก้จมูก เมื่อซิลิโคนมีความตึงมากจะ ก่อให้เกิดการอักเสบตามมา จุดที่รับแรงมากที่สุดคือปล ายจมูก จะพบว่ารอยแดงนั้นชัดขึ้นเร ื่อยๆ ไม่จางลง แตกต่างกับเคสที่เป็นสิวปลา ยจมูกหรือเสริมกระดูกหลังหู มาแล้วร่างกายมีปฏิกิริยา กลุ่มพวกนี้จะแดงแล้วจางลงเ รื่อยๆ ค่ะ บางครั้งรอยแดงอาจเกิดจากอา กาศที่ร้อนหรือหนาวเกินไปก็ ได้ค่ะ ดังนั้นหากพบรอยแดงที่ปลายจ มูกให้คอยดูว่ามันแดงมากขึ้ นหรือจางลง ถ้าแนวโน้มจะแดงมากขึ้นให้ร ีบไปพบคุณหมอนะคะ 4.
เสริมจมูกเทคนิค V Active Nose Rhinoplasty & V Active Nose การศัลยกรรมจมูกด้วยเกล็ดเลือดตัวเอง ร่วมกับการใช้ซิลิโคนแบบเหลาเองแบบเคสต่อเคส เพื่อให้ได้จมูกที่พุ่งสวย ได้สัดส่วน วิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดและออกมาสวยงามตามต้องการ และสามารถยืดจมูกได้ยาวกว่าการศัลยกรรมจมูกแบบปิดทั่วไป ยืดจมูกให้พุ่งสวยได้โดย ไม่เสี่ยงต่อการทะลุ จมูกสวยได้อย่างปลอดภัย หายไว ฟื้นตัวได้รวดเร็ว จมูกสวยรับกับใบหน้า แก้ปัญหาหน้าแบน การศัลยกรรมจมูก สามารถปรับให้ใบหน้าดูดีขึ้น เพิ่มความมั่นใจ ไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าเพื่อสร้างมิติจมูกให้กับใบหน้าอีกต่อไป การทำจมูกเทคนิค V Active Nose แตกต่างกับการเสริมแบบปกติอย่างไร?
ศึกษาข้อมูลของสถานที่ และผลงานของศัลยแพทย์ที่คุณจะทำจมูกให้ดี ข้อนี้สำคัญมากเลยนะสาว ๆ เพราะจมูกของคุณจะออกมาสวยหรือไม่สวยก็ขึ้นอยู่กับข้อนี้แหละ ดังนั้น คุณจะต้องศึกษาข้อมูลของโรงพยาบาลหรือคลินิกทำศัลยกรรมให้ดี และที่สำคัญจะต้องศึกษาประวัติผลงานของศัลยแพทย์ด้วย โดยให้ดูว่าผลงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีเคสไหนที่เคยผิดพลาดบ้างไหม ซึ่งอย่างหลังอาจจะสืบยากนิดหน่อย แต่ถ้าหาข้อมูลรีวิวได้จะดีมาก เพราะจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้คุณตัดสินใจที่จะทำกับใครและทำที่ไหนได้ง่ายขึ้น 2. ปรึกษาคุณหมอเพื่อความมั่นใจ เมื่อได้ตัวเลือกว่าจะทำจมูกที่ไหนหรือทำกับศัลยแพทย์คนไหนบ้างแล้ว คราวนี้ก็ต้องเดินเข้าไปปรึกษาคุณหมอโดยตรง โดยให้เลือกศัลยแพทย์มากกว่า 1 คน เพื่อเป็นตัวเลือก ทั้งนี้ เมื่อเข้าไปคุยกับคุณหมอแล้วหากคุณมีข้อสงสัยอะไรให้ถามคุณหมอ เพื่อขอความรู้และคลายข้อสงสัย ซึ่งการเลือกคุยกับหมอหลาย ๆ คน จะช่วยให้คุณตัดสินใจและมีตัวเลือกเปรียบเทียบ และจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกได้อย่างมั่นใจมากขึ้น 3. เลือกทรงจมูกให้เข้ากับหน้า ชีวิตจะดี สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่สาว ๆ จะต้องนึกถึงเมื่อตัดสินใจจะทำจมูกก็คือ "จะต้องเลือกทำจมูกให้เข้ากับหน้า" ทั้งนี้ คนเรามีรูปทรง พื้นที่จมูก และรูปหน้าแตกต่างกัน หากเลือกทรงจมูกได้สวยเข้ากับหน้าแล้ว รับรองว่าจมูกใหม่ของคุณจะช่วยเสริมลุคให้ดูดีและเป๊ะมากขึ้น แต่ถ้าทำแล้วไม่เข้ากับหน้า หรือไม่สวย ไม่ถูกใจ คุณอาจจะต้องเจ็บตัวอีกครั้งและเสียเงินอีกรอบเพื่อแก้จมูกใหม่ก็เป็นได้ แต่ถ้าหากสาว ๆ ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเหมาะกับจมูกทรงไหนก็ตามมาดู " วิธีเลือกทำจมูกให้เข้ากับหน้า " จากกระปุกดอทคอมกันได้เลยค่ะ 4.
นอนยกหัวสูง การนอนหมอนสูง โดยเฉพาะช่วง 3-5 วันแรกหลังผ่าตัดจมูก จะช่วยลดการไหลเวียนของเลือดบริเวณแผลผ่าตัด ลดอาการเลือดคั่ง ทำให้ปวดบวมน้อยลง และทำให้แผลหายเร็วขึ้นอีกด้วย 4. การประคบอุ่น ในช่วงแรกหลังทำจมูก เราควรประคบเย็น เพื่อลดการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดหยุดไหลได้เร็ว แต่หลังจากผ่าตัดมา 5 ถึง 7 วัน ควรเปลี่ยนเป็นการประคบอุ่น เพื่อให้ความร้อนเข้าไปช่วยละลายลิ่มเลือดเก่า และช่วยทำให้พังผืดที่แข็งนุ่มลง ช่วยทำให้เนื้อเยื่อภายในสมานกันได้ดีขึ้น นอกจากนี้ความร้อนยังช่วยทำให้เส้นเลือดขยายตัว ทำให้เลือดใหม่เข้ามาหล่อเลี้ยงบริเวณที่ผ่าตัด ช่วยลดการเกิดพังผืดภายในให้นุ่มขึ้น แต่มีข้อควรระวังเล็กน้อย คือไม่ควรประคบร้อนนานจนเกินไป เพราะจะทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีเกินไปจนทำให้เกิดอาการบวมได้อีกครั้ง
เสริมจมูก 15 ข้อควรรู้ก่อนเสริมจมูก รู้แล้วไม่มีพลาด
ตัว hematoma อาจมีขนาดเป็นจุดเล็กๆ หรือใหญ่จนบวมเป่งก็ได้ เมื่อเวลาผ่านไปจะค่อยๆหายไปได้เองตามธรรมชาติ แต่การที่เลือดไหลออกมาอยู่ในบริเวณที่ไม่ควรอยู่นั้นสามารถรบกวนและเกิดการอักเสบปวดบวมของเนื้อเยื่อรอบๆ จนแผลหายช้าและเกิดการติดเชื้อได้หากไม่ดูแลอย่างถูกวิธี ภาวะเลือดคั่งจะหายไปเมื่อใด??? – หลังจากมีอาการ 2-3 วัน จากเลือดคั่งสีแดงจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ – หลังจากมีอาการ 5-10 วัน สีจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเขียวจากการสลายของฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ในเม็ดเลือดแดง – หลังจากมีอาการ 10-14 วัน เศษซากของเม็ดเลือดจากถูกเก็บกวาดโดยกระบวนการฟื้นฟูตนเองของร่างกาย ดังนั้น โดยเฉลี่ยแล้ว Subcutaneous Hematoma จะหายไปในช่วงประมาณ 14 วัน แต่ในบางรายที่มีเลือดซึมกะปริบกะปรอยอยู่ภายในทำให้อาการคั่งนานกว่านี้ได้จนถึง 3 สัปดาห์หรือ 3 เดือนก็เป็นได้ เลือดคั่งใต้ผิวหนัง รักษาอย่างไร?? ในช่วงแรกควรปฎิบัติตามหลัก RICE โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 วันแรก!! สำคัญมาก 1. Rest พักผ่อน ไม่ควรลุกเดินขึ้นๆลงๆไปไหนมาไหนเกินจำเป็น 2. Ice การประคบเย็น ภายใน 48 ชั่วโมงแรกช่วยให้หลอดเลือดหดตัวเลือดออกน้อยลง มีการดูดซึมน้ำกลับเข้าหลอดเลือดจึงช่วยให้ยุบบวม ประคบเย็นครั้งละ 20-30 นาที วันละ 2-3 ครั้ง ด้วยอุณหภูมิพอเหมาะไม่เย็นจัดเกินไปหรือนานเกินไปจนเนื้อเยื่อขาดเลือดไปเลี้ยง 3.
ใช้น้ำเกลือเช็ดแผล ในกรณีที่แผลมีเลือดหรือน้ำเหลืองซึมออกมา ให้ใช้สำลีหรือคอทตอนบัตซับเลือดและน้ำเหลืองให้สะอาด จากนั้นใช้คอทตอนบัตชุบน้ำเกลือนำมาเช็ดทำความสะอาดแผลอีกรอบค่ะ 5. งดนอนตะแคง 1 เดือน หลังจากที่ตัดไหมแล้ว ถึงแม้ว่าจะดูว่าแผลแห้งดี แต่ก็ยังต้องระวังแผลภายในอยู่ค่ะ โดยเวลาที่เข้านอนก็อย่าเพิ่งนอนตะแคง ให้ใช้หมอนรองคอช่วยให้การนอนหลับไปก่อน เพื่อประคองทรงจมูกให้เข้าที่มากที่สุดค่ะ 6. ทำความสะอาดแผลด้านใน ถึงแม้ว่าแผลภายนอกจะดูแห้งดีแล้ว แต่ก็อย่าลืมทำความสะอาดแผลภายในด้วย โดยให้ใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดทำความสะอาดแผลภายในอย่างเบามือ พยายามดูแลตัวเองอย่าให้เป็นหวัดและมีน้ำมูกหรือ ไอ จาม เนื่องจากจะทำให้แผลตัดเชื้อได้ค่ะ 7. ดื่มน้ำใบบัวบกและน้ำมะพร้าว น้ำใบบัวบกและน้ำมะพร้าว มีสรรพคุณในการลดอาการฟกช้ำ บวม เขียวช้ำค่ะ สาวๆ สามารถดื่มน้ำเหล่านี้ได้เพื่อช่วยให้แผลแห้งได้เร็วขึ้น ในขณะเดียวกันก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็ม รสเผ็ด และรสจัด เพื่อช่วยลดอาการแผลบวมช้ำและแห้งช้าให้เร็วขึ้นได้ นอกจากนี้ยังควรงดสูบบุหรี่ และงดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด หลังเสริมจมูกไปอีก 1-2 เดือน เพื่อไม่ให้เป็นการกระตุ้นให้แผลกลับมาบวมและอักเสบได้อีก 8.
- กฤษณา กา ร์ เด้ น โฮม
- เสริมจมูกแก้จมูก ทำจมูกแบบไหนดี เสริมจมูกที่ไหนดี รีวิวเสริมจมูก
- รีวิว-เล่าประสบการณ์"เสริมจมูก" เคสเลือดคั่ง หายุบช้า+ข้อแนะนำในการเสริมจมูก - YouTube
- หอพัก ดาราวัน เรสซิเดนซ์ ขอนแก่น (Darawan Residence) - YouTube
- Four of cups ความ หมาย love
- วิธี ทํา รูป ให้ เป็น pdf
- วิธี ยกเลิก ข้อความ กรุง ไทย
- ติด ผ้า ม่าน เอง ikea
- 4 อาการหลังเสริมจมูก บวบ เลือดไหล ติดเชื้อ เขียว อาการหลังทำจมูก - YouTube
- 6gb 99 บาท dtac pantip amazon
- อาการ เลือด คั่ง หลัง เสริม จมูก
เลือกใช้ซิลิโคนแบบไหนดี? อย่างที่รู้ ๆ กันว่าซิลิโคนสำหรับเสริมจมูกมีหลายแบบ แล้วจะเลือกใช้แบบไหนดี? คำตอบก็คือ สาว ๆ ที่มีจมูกเล็ก เนื้อบาง เหมาะกับซิลิโคนอ่อน ทำออกมาแล้วจะดูสวยแบบเป็นธรรมชาติ ส่วนถ้าใครที่มีเนื้อจมูกหนา ควรเลือกซิลิโคนแบบที่นิ่มปานกลาง เมื่อทำออกมาแล้วจะได้จมูกที่ทรงสวย และทำไปนาน ๆ จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาจมูกยุบตัวง่ายด้วย แต่ทั้งนี้สำหรับใครที่มีเนื้อจมูกน้อยมาก ๆ การเสริมเฉพาะซิลิโคนอย่างเดียวอาจได้ทรงไม่สวยพอ และเสี่ยงที่ซิลิโคนจะทะลุออกมาง่าย คุณหมอจะแนะนำให้เสริมจมูกด้วยซิลิโคนร่วมกับกระดูกอ่อนหลังใบหู ในบางเคสอาจมีการเอาเนื้อเยื่อส่วนอื่นร่วมด้วย เพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ปลายจมูก และได้ปลายจมูกที่สวยเข้ารูปขึ้น 5. ศึกษาผลกระทบหลังทำจมูกเอาไว้ก่อน ผลกระทบหลังทำจมูก ถือเป็นปัญหาแทรกซ้อนหลังศัลยกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน ดังนั้น สาว ๆ ควรจะศึกษาและเรียนรู้เอาไว้ก่อนที่จะคิดผ่าตัดเสริมจมูก เพราะบางคนเมื่อทำจมูกแล้วอาจจะเกิดผลข้างเคียงตามมาได้ อย่างเช่น จมูกเบี้ยว ซิลิโคนทะลุ เลือดคั่ง แผลแยกและมีเลือดออกผิดปกติ หรือแม้แต่การติดเชื้อ ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจจะรุนแรงมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับลักษณะอาการของแต่ละคน ถ้าใครที่มีปัญหาเหล่านี้ อย่ารอช้า ให้รีบปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อทำการรักษาหรือแก้จมูกโดยด่วน 6.
ภาวะเลือดคั่ง คืออะไร???
ประคบเย็น การประคบเย็นหลังผ่าตัดทำจมูก จะเริ่มหลังการผ่าตัดเสร็จ ไปจนถึงภายใน 48 ชั่วโมง หรือ 2 วัน โดยสามารถใช้เจลแพ็ค หรือใช้ผ้าแช่เย็น ผ้าห่อน้ำแข็ง สลับกันประคบที่จมูกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อดีของการประคบเย็น จะทำให้เลือดหยุดไหลเร็วขึ้น ลดอาการบวมของแผล เพราะความเย็น จะเข้าไปช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัว รวมถึงทำให้เลือดข้นและหนืดได้อย่างเร็ว จึงเป็นการช่วยลดการอักเสบและปวดหลังผ่าตัดได้เป็นอย่างดี 2. การรับประทานอาหารที่ช่วยลดบวม อีกข้อหนึ่งที่สำคัญหลังจากทำศัลยกรรมจมูก ก็คือควรให้ความสำคัญกับเรื่องการทานอาหารให้มาก อาหารบางประเภท จะไปกระตุ้นทำให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลเสียทำให้เลือดออกตามแผลที่ยังปิดไม่สนิทได้ง่ายขึ้นด้วย จึงเกิดเป็นเลือดคั่งหลังทำศัลยกรรม โดยในการรับประทานอาหารหลังการผ่าตัด ควรเลือกอาหารที่ช่วยลดบวม เช่น ฟักทอง สาหร่าย ใบบัวบก ซึ่งมีสรรพคุณ ในการช่วยลดการติดเชื้อหลังผ่าตัด ช่วยลดอาการบวม ช่วยปรับอุณหภูมิร่างกายให้อบอุ่น ลดอาการบวมซ้ำได้เป็นอย่างดี 3. นอนยกหัวสูง การนอนหมอนสูง โดยเฉพาะช่วง 3-5 วันแรกหลังผ่าตัดจมูก จะช่วยลดการไหลเวียนของเลือดบริเวณแผลผ่าตัด ลดอาการเลือดคั่ง ทำให้ปวดบวมน้อยลง และทำให้แผลหายเร็วขึ้นอีกด้วย 4.
Sun, 07 Nov 2021 21:30:19 +0000